ฟังเสียงคนอยุธยา สร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำป่าสักเฟส 2 งบ 2.2 พันล้าน

นายวิเชียร เปมานุกรรักษ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า นายกริชเพชร ชัยช่วย ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) ได้มอบหมายให้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็น โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางเรือเดินในแม่น้ำป่าสัก ในพื้นที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) อ.นครหลวง เทศมนตรีตำบลนครหลวง เทศมนตรีตำบลแม่ลา สมาชิกสภาเทศบาล สภาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกองวิศวกรรม กรมเจ้าท่า เข้าร่วมประชุม ที่สำนักงานเทศบาลตำบลนครหลวง เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา

การประชุมครั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์แผนการดำเนินการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางเรือเดิน ในแม่น้ำป่าสัก ระยะที่ 2 จำนวน 3 ตอน ระยะทาง 8,170 เมตร งบประมาณ 2,233 ล้านบาท พื้นที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ประกอบด้วย

ตอนที่ 4 จำนวน 2 จุด ระยะทาง 2,625 เมตร ได้แก่ จุดที่ 1 ระยะทาง 1,225 เมตร และ จุดที่ 2 ระยะทาง 1,400 เมตร งบประมาณ 587 ล้านบาทคำพูดจาก ทดลองใช้ สูตรสล็อต

ตอนที่ 5 จำนวน 3 จุด ระยะทาง 2,045 เมตร ได้แก่ จุดที่ 1 ระยะทาง 850 เมตร จุดที่ 2 ระยะทาง 700 เมตร และ จุดที่ 3 ระยะทาง 495 เมตร งบประมาณ 776 ล้านบาทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ตอนที่ 6 จำนวน 4 จุด ระยะทาง 3,500 เมตร ได้แก่ จุดที่ 1 ระยะทาง 550 เมตร จุดที่ 2 ระยะทาง 975 เมตร จุดที่ 3 ระยะทาง 1,000 เมตร และ จุดที่ 4 ระยะทาง 975 เมตร งบประมาณ 870 ล้านบาท

รูปแบบการก่อสร้างจะมีโครงสร้างลักษณะเป็นการตอกเสาเข็มเหล็กชีทไพล์เป็นโครงสร้างหลักในการป้องกันตลิ่ง พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์บนสันเขื่อน

นอกจากนี้ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ซึ่งได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากปัญหาการทรุดตัวของตลิ่ง เพื่อจะได้นำความเห็นจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนดังกล่าว ไปปรับแก้โครงการให้มีความเหมาะสม ตามความจำเป็นเร่งด่วน รวมทั้งสั่งการให้ กองวิศวกรรมกรมเจ้าท่า และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 2 สาขาอยุธยา ลงพื้นที่สำรวจร่วมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น อ.นครหลวง เพื่อแก้ปัญหาให้แก่ประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วนต่อไป

อย่างไรก็ตาม จะนำโครงการดังกล่าวบรรจุในแผนการดำเนินการของบประมาณปี 67-69 เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาการขนส่งทางน้ำ กับวิถีชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำ เพื่อลดผลกระทบความเดือดร้อนจากตลิ่งพังในอนาคตต่อไป